ปัจจุบันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนแปลงโลกอย่างก้าวกระโดด และหนึ่งในแนวคิดที่ทรงพลังที่สุดก็คือ Deep Learning หรือการเรียนรู้เชิงลึก เทคโนโลยีนี้ช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถ คิด วิเคราะห์ และตัดสินใจ ได้ใกล้เคียงกับมนุษย์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจดจำใบหน้า การแปลภาษาอัตโนมัติ หรือแม้แต่การขับรถไร้คนขับ สิ่งที่เป็นจุดเด่นของ Deep Learning คือโครงข่ายประสาทเทียม (Artificial Neural Network: ANN) ที่สามารถเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักว่า Deep Learning คืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับ Machine Learning หลักการทำงาน และดูว่า Machine Learning กับ Deep Learning แตกต่างกันอย่างไร
ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถเลียนแบบกระบวนการคิดและการตัดสินใจของมนุษย์ AI มีบทบาทสำคัญในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูล การประมวลผลภาษา หรือการทำงานอัตโนมัติ AI สามารถแบ่งออกเป็นหลายแขนง ตั้งแต่ระบบที่ใช้กฎเกณฑ์ตายตัว (Rule-Based AI) ไปจนถึงระบบที่สามารถเรียนรู้และปรับปรุงตัวเองได้ ซึ่งเป็นที่มาของเทคโนโลยีที่เรียกว่า Machine Learning (ML) นั่นเอง
Machine Learning คือกระบวนการที่ให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้จากข้อมูลโดยไม่ต้องมีการตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้า และในบรรดา Machine Learning นั้น Deep Learning คือแขนงหนึ่งที่มีความก้าวหน้าที่สุด เนื่องจากใช้โครงข่ายประสาทเทียม (Artificial Neural Network: ANN) ที่มีโครงสร้างซับซ้อนและสามารถเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องอาศัยการตั้งค่ากฎเกณฑ์ล่วงหน้า เปรียบเสมือนสมองของมนุษย์ที่สามารถเรียนรู้ได้จากประสบการณ์ Deep Learning จึงเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยี AI สมัยใหม่ และกำลังเป็นเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมมากมายในปัจจุบัน
Deep Learning คือแขนงหนึ่งของ Machine Learning ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้สอนปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยใช้โครงข่ายประสาทเทียมหลายชั้น (Artificial Neural Network: ANN) เพื่อเลียนแบบกระบวนการเรียนรู้ของสมองมนุษย์ ระบบนี้สามารถเรียนรู้และสกัดข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อัตโนมัติ โดยไม่ต้องพึ่งพาการกำหนดกฎเกณฑ์ล่วงหน้า เหมือนกับที่มนุษย์สามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ได้ด้วยตัวเอง
Deep Learning ถูกนำมาใช้เป็นพื้นฐานของการสร้างโมเดลภาษาขนาดใหญ่หรือ LLM ซึ่ง LLM คือโมเดลพื้นฐานที่ใช้ประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ และสร้างข้อมูลใหม่ ๆ ออกมาผ่านการจำลองการเรียนรู้ของสมองมนุษย์ ทำให้เข้าใจและมีความสามารถในการเรียนรู้ภาษาของมนุษย์ พร้อมกับสามารถคาดเดาหรือ สร้างภาษาได้เหมือนมนุษย์จริง ๆ
Deep Learning สามารถจดจำรูปแบบข้อมูลที่ซับซ้อนได้ เช่น การวิเคราะห์ภาพ การจดจำเสียงพูด และการทำความเข้าใจภาษาธรรมชาติของมนุษย์ เทคโนโลยีนี้เป็นรากฐานของนวัตกรรม AI ที่ทันสมัย เช่น แชตบอทอัจฉริยะอย่าง ChatGPT ระบบขับขี่อัตโนมัติในรถยนต์ รวมถึงการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) ซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมและชีวิตประจำวันของเราอย่างมหาศาล
Deep Learning ทำงานโดยใช้โครงข่ายประสาทเทียมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากโครงสร้างระบบประสาทของมนุษย์ ประกอบไปด้วยอัลกอริทึมที่จะมีลักษณะเป็น Node เรียงกัน 4 ชั้น มาดูกันว่าหลักการทำงานของ Deep Learning มีอะไรบ้าง
Machine Learning คือแขนงหนึ่งของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถเรียนรู้จากข้อมูลและตัดสินใจได้เองโดยใช้อัลกอริธึมในการวิเคราะห์ข้อมูล ค้นหารูปแบบ และทำการคาดการณ์ผลลัพธ์ ตามที่ได้ออกแบบมา และจะสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นในครั้งต่อ ๆ ไปจากการเรียนรู้ชุดข้อมูลเดิมซ้ำ ๆ
Deep Learning คือแขนงหนึ่งของ Machine Learning ที่ทำงานโดยใช้โครงข่ายประสาทเทียมหลายชั้นเพื่อประมวลผลและเรียนรู้ข้อมูลที่ซับซ้อน เทคโนโลยีนี้เลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ โดยสามารถเรียนรู้ข้อมูลที่มีโครงสร้างซับซ้อนและดึงคุณลักษณะสำคัญออกมาโดยอัตโนมัติ
ความแตกต่างระหว่าง Machine Learning และ Deep Learning คือประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูล แม้ว่า Machine Learning จะสามารถพัฒนาและปรับปรุงความแม่นยำได้เมื่อได้รับข้อมูลมากขึ้น แต่ก็ยังต้องอาศัยการกำหนดคุณลักษณะ (Features) ของข้อมูลล่วงหน้าโดยมนุษย์ก่อน แต่ Deep Learning สามารถเรียนรู้และดึงคุณลักษณะจากข้อมูลได้เองโดยอัตโนมัติ
ทั้ง Machine Learning และ Deep Learning ถูกนำมาใช้ในหลาย ๆ อุตสาหกรรม โดยจุดเด่นของ Machine Learning คือสามารถทำงานได้ดีแม้ใช้ข้อมูลที่น้อยกว่าและอัลกอริธึมที่ง่ายกว่า จึงเหมาะสำหรับนำมาใช้ในงานที่ไม่ต้องการความซับซ้อนมากนัก เช่น การจำแนกอีเมลสแปม การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ระบบแนะนำสินค้า เป็นต้น ขณะที่ Deep Learning ยังต้องการข้อมูลจำนวนมหาศาลและทรัพยากรในประมวลผลที่สูงกว่า จึงเหมาะกับการนำมาใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การจดจำใบหน้า การขับขี่อัตโนมัติ และการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางการแพทย์ เป็นต้น
ปัจจุบันเราอยู่ร่วมกับ Deep Learning AI ในชีวิตประจำวันที่หลากหลายจนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ โดยระบบอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย Deep Learning มีอยู่รอบตัวเราในหลายด้าน ดังนี้
Deep Learning คือเทคโนโลยีที่ทรงพลังและมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรมให้ทันสมัยและก้าวหน้ายิ่งขึ้น ธุรกิจหรือองค์กรสามารถนำ Deep Learning มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้หลายด้าน ตั้งแต่ระบบแนะนำเนื้อหา ผู้ช่วยอัจฉริยะ ไปจนถึงการแพทย์และยานยนต์อัตโนมัติ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานได้มากขึ้น และมีประโยชน์มากมายต่อทั้งตัวองค์กรและลูกค้า
หากคุณกำลังมองหาทีมงาน IT Outsource ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์มาดูแลระบบไอทีและพัฒนาโซลูชันต่าง ๆ Cube SoftTech มีบริการ IT Outsource ที่ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรยุคใหม่ด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ครอบคลุมทุกด้านของการพัฒนาโปรแกรมและแอปพลิเคชันตั้งแต่เริ่มต้นจนจบโครงการ สามารถเลือกรูปแบบการทำงานที่เหมาะกับความต้องการและงบประมาณได้ พร้อมนำเสนอนวัตกรรมระดับสูงให้กับองค์กรที่ต้องการยกระดับระบบไอที รวมถึงการวางระบบไอทีที่ใช้เทคโนโลยี Machine Learning และ Deep Learning เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างมั่นคงในโลกยุค AI