ในโลกที่ข้อมูลมีมากขึ้นทุกวัน การจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลให้เกิดประโยชน์สูงสุดกลายเป็นความท้าทายของทุกธุรกิจ แต่ด้วย Machine Learning ความท้าทายนี้ก็กลายเป็นโอกาส! Machine Learning ช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ พร้อมสร้างกลยุทธ์ที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด แล้ว Machine Learning คือ? หลักการทำงานและร่วมไขข้อสงสัย Machine Learning กับ AI ต่างกันอย่างไร มาติดตามบทความนี้เพื่อหาคำตอบ
Machine Learning คือ เทคโนโลยีที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถเรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้จากข้อมูลที่ได้รับ โดยไม่จำเป็นต้องมีมนุษย์คอยเขียนโปรแกรมสั่งการอยู่ตลอดเวลาหรือควบคุมในทุกขั้นตอน ระบบนี้ทำงานโดยการวิเคราะห์จากข้อมูลเดิมซ้ำ ๆ เพื่อสร้างแบบจำลองที่สามารถทำนายและตัดสินใจ หรือประมวลผลได้อย่างแม่นยำมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งกระบวนการนี้เรียกว่ากันว่าการฝึกหรือการเทรน ตัวอย่างเช่น หากเราป้อนข้อมูลภาพแมวและสุนัขให้ในระบบ Machine Learning เป็นจำนวนมาก มันจะสามารถเรียนรู้ลักษณะโดยเฉพาะของสัตว์แต่ละชนิด และสามารถแยกแยะภาพใหม่ได้เองโดยไม่ต้องมีมนุษย์มาบอกว่าภาพไหนเป็นแมวหรือสุนัข
ข้อดีของ Machine Learning (ML) คือ ช่วยลดเวลาและต้นทุนในการวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในหลาย ๆ ด้าน เช่น การคาดการณ์ยอดขาย การตรวจจับการทุจริต หรือแม้แต่การแนะนำสินค้าให้กับลูกค้า อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ยังต้องอาศัยมนุษย์ในการฝึก ออกแบบ และปรับปรุง เพื่อให้การตัดสินใจของ Machine Leaning มีความแม่นยำและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
Machine Learning ทำงานยังไง? Machine Learning เปรียบเสมือนสมองของ AI ที่ระบบสามารถเรียนรู้และตัดสินใจได้ด้วยตนเอง ซึ่งหลักการทำงานของ Machine Learning สามารถแบ่งออกเป็น 3 แบบ ได้แก่ Supervised Learning, Unsupervised Learning และ Reinforcement Learning โดยรายละเอียด ดังนี้
Supervised Machine Learning เป็นการทำให้คอมพิวเตอร์ถูกสอนโดยใช้ข้อมูลตัวอย่างที่มีทั้งคำถาม (Input) และคำตอบ (Output) ที่ถูกต้องป้อนเอาไว้ให้อยู่แล้ว และระบบจะเรียนรู้จากข้อมูลเหล่านี้เพื่อสร้างแบบจำลองที่สามารถประมวลผลลัพธ์ได้เมื่อเจอข้อมูลชุดใหม่
Unsupervised Learning เป็นการเรียนรู้ที่ระบบจะได้รับข้อมูลที่ไม่มีคำตอบที่กำหนดไว้ล่วงหน้า แต่คอมพิวเตอร์จะต้องวิเคราะห์จำแนกข้อมูล เพื่อค้นหารูปแบบหรือกลุ่มข้อมูลที่ซ่อนอยู่ด้วยตัวเอง เหมาะกับงานประมวลผลที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การแบ่งกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรมการซื้อสินค้า โดยระบบจะไม่รู้ล่วงหน้าว่าลูกค้าแต่ละคนมีลักษณะอย่างไร แต่สามารถจัดกลุ่มได้ตามความคล้ายคลึงของข้อมูลเท่านั้น
Reinforcement Learning หรือการเรียนรู้แบบเสริมกำลัง เป็นวิธีการที่ตัวแทน (Agent) เรียนรู้ผ่านการปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมโดยการลองทำสิ่งต่าง ๆ และดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการลองผิดลองถูก ตัวแทนจะได้รับข้อเสนอแนะ (Feedback) จากระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อปรับกลยุทธ์และเรียนรู้ว่าควรทำอะไรในสถานการณ์ต่าง ๆ เป้าหมายคือการฝึกซอฟต์แวร์เพื่อตัดสินใจให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
AI (Artificial Intelligence), DL (Deep Learning) และ ML (Machine Learning) เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกัน แต่มีความแตกต่างในด้านขอบเขตและวิธีการทำงาน
สรุป คือ AI เป็นแนวคิดใหญ่ที่ครอบคลุม ML และ DL เป็นเทคนิคย่อยภายใน AI ที่ช่วยให้ระบบเรียนรู้และทำงานได้อย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้นนั่นเอง!
สาระดี ๆ ที่คุณไม่ควรพลาด: Generative Ai คืออะไร สามารถช่วยงานแบบไหนได้บ้าง
ประโยชน์ของการใช้ Machine Learning มีอะไรบ้าง? ซึ่งประโยชน์ของ Machine Learning คือ ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ รวมถึง ช่วยลดเวลา ลดต้นทุนในการทำงาน และสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้ได้อย่างที่ต้องการ
ทั้งนี้ Machine Learning ยังมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับธุรกิจสมัยใหม่ โดยช่วยเปลี่ยนงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ ให้อัตโนมัติ และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด แม่นยำ และรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งนำไปสู่ความได้เปรียบในการแข่งขัน
อ่านเนื้อหาดี ๆ เพิ่มเติม: Ai Tools พร้อมยกตัวอย่าง AI ที่ได้รับความนิยม
Machine Learning มักจะอยู่รอบ ๆ ตัวเราอยู่เสมอในยุคดิจิทัลเพราะเทคโนโลยีนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว โดยเราอาจจะยังไม่ทันสังเกตว่าหลายสิ่งที่เราคุ้นเคยหรือใช้งาน AI ในชีวิตประจำวัน ล้วนทำงานด้วยระบบ Machine Learning ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกและช่วยให้การใช้ชีวิตเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น โดยตัวอย่าง Machine Learning ที่พบได้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่
AI Machine Learning คือ ระบบคอมพิวเตอร์ที่ช่วยให้อุตสาหกรรมสามารถทำงานได้ง่าย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบัน Machine Learning นิยมใช้ในอุตสาหกรรมอย่างแพร่หลาย โดยการใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มีดังนี้
Machine Learning กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัลอย่างรวดเร็ว องค์กรที่สามารถนำ Machine Learning มาประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลายและแม่นยำ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน สร้างความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ และเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันได้
และเพื่อให้ธุรกิจของคุณก้าวทันการเปลี่ยนแปลงนี้ การมีทีม IT Outsource ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AI และ Machine Learning จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง Cube SoftTech บริษัทส่งออก IT Staff ที่พร้อมเป็นพันธมิตรกับธุรกิจของคุณในการพัฒนาเทคโนโลยีรูปแบบซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของคุณ
หรือหากคุณสนใจร่วมเป็นทีม IT Staff กับ Cube SoftTech ดูตำแหน่งที่เปิดรับได้ที่ https://www.cubesofttech.com/careers