ถ้าให้พูดถึงเทคโนโลยีเพื่ออนาคต ในยุคที่ทุกอย่างจะต้อง SMART, Function และ Remote access ณ ตอนนี้ เห็นทีจะไม่พูดถึงระบบ "IoT" ก็คงจะไม่ได้ แม้จะถูกพัฒนากันมาอย่างต่อเนื่อง และถูกนำมาใช้จริงแล้วในหลาย ๆ เทคโนโลยี แต่ใครหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้ที่เราใช้กันอยู่ ถูกพัฒนาขึ้นด้วยระบบ IoT นี้เอง
ในบทความนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจกับเทคโนโลยี IoT นวัตกรรมที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตที่กำลังเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของผู้คนทั่วโลก ตั้งแต่บ้านอัจฉริยะที่สามารถควบคุมได้ผ่านสมาร์ตโฟน ไปจนถึงระบบการเกษตรที่ใช้เซ็นเซอร์ตรวจวัดสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์
ระบบ IoT (Internet of Things) หรือ "อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง" พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ที่มีระบบประมวลผลและสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ทำให้สามารถเก็บข้อมูล วิเคราะห์ และควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ได้จากระยะไกลเช่น การควบคุมอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศผ่านสมาร์ตโฟน หรือระบบรดน้ำต้นไม้อัตโนมัติที่ทำงานตามค่าความชื้นในดิน เป็นต้น
หลังจากที่ได้ทราบกันไปแล้วว่า IoT คืออะไร ถัดไปเราจะมาดูองค์ประกอบของ IoT (Internet of Things) กันว่ามีอะไรบ้าง และแต่ละส่วนมีหน้าที่และความสำคัญอย่างไร
นอกจาก IoT คืออะไรแล้ว อีกหนึ่งคำถามที่มักได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ คือ IoT ทํางานอย่างไร โดยหลักการทำงานของ IoT จะเริ่มต้นจากอุปกรณ์ IoT ที่มีเซนเซอร์จะทำการเก็บข้อมูลต่าง ๆ จากสภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ ความชื้น หรือการเคลื่อนไหว จากนั้นจะส่งข้อมูลผ่านเกตเวย์ซึ่งทำหน้าที่แปลงสัญญาณและ Protocol ให้สามารถส่งผ่านอินเทอร์เน็ตได้
ข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์กลางเพื่อประมวลผลและจัดเก็บ โดยระบบจะวิเคราะห์ข้อมูลตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ เช่น หากอุณหภูมิสูงเกินกำหนด ระบบจะส่งคำสั่งกลับไปยังอุปกรณ์ควบคุมให้เปิดเครื่องปรับอากาศโดยอัตโนมัติ
ผู้ใช้งานสามารถควบคุมและตรวจสอบสถานะของระบบได้ผ่าน Mobile application ซึ่งจะแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์และอนุญาตให้ผู้ใช้สั่งการควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ได้จากทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต การทำงานทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและอัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมง
ประโยชน์ของ IoT นั้นมีมากมายหลายด้าน โดยจะช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายขึ้นผ่านระบบบ้านอัจฉริยะ (Smart Home) ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้จากระยะไกล อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานด้วยระบบควบคุมอัตโนมัติที่ทำงานตามการตั้งค่าที่เหมาะสม
ในด้านอุตสาหกรรม IoT จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตผ่านระบบตรวจสอบและควบคุมอัตโนมัติ ทำให้สามารถคาดการณ์และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า รวมถึงช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานด้วยการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
ยิ่งไปกว่านั้นระบบ IoT ยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยช่วยจัดการระบบขนส่ง การใช้พลังงาน และการจัดการขยะให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนผ่านระบบดูแลสุขภาพอัจฉริยะที่สามารถติดตามและเฝ้าระวังสุขภาพของผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างที่ได้ทราบกันไปแล้วว่า Internet of Things คือเทคโนโลยีที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกันผ่านอินเทอร์เน็ต ในปัจจุบัน IoT Technology ก็ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายภาคส่วน ดังนี้
อย่างที่ได้ทราบกันไปแล้วว่า Internet of Things คือเทคโนโลยีที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกันผ่านอินเทอร์เน็ต ในปัจจุบัน IoT Technology ก็ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายภาคส่วน ดังนี้
หลายคนคงได้ทำความเข้าใจกันไปแล้วว่า IoT คืออะไร ซึ่งถ้าจะสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ เข้ากับอินเทอร์เน็ต เพื่อให้สามารถสื่อสารและทำงานร่วมกันได้ โดยอาศัยเซนเซอร์ในการเก็บข้อมูล ระบบประมวลผลกลางในการวิเคราะห์ และอุปกรณ์ควบคุมที่ทำงานตามคำสั่ง ทำให้เราสามารถควบคุมและตรวจสอบการทำงานได้จากระยะไกลผ่าน Mobile Application
ซึ่งการพัฒนาระบบ IoT นั้นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญทั้งด้าน Software Development และ Hardware ซึ่ง Cube SoftTech เป็นบริษัท IT Outsource ที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาระบบมากกว่า 10 ปี พร้อมให้บริการด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันแบบครบวงจร ด้วยทีมงานมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น Mobile Application, Web Application, หรือระบบ IoT