ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สังเกตได้ว่าเรากำลังอยู่ในยุค AI ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเราจะได้เห็นการพัฒนา AI ตัวใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้นำมาสู่การเกิดขึ้นของโมเดลภาษาขนาดใหญ่ หรือที่เรียกว่า “LLM” ซึ่งคือโมเดลที่ถูกฝึกฝนด้วยข้อมูลมหาศาลเพื่อทำความเข้าใจและโต้ตอบเป็นภาษามนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ว่าคืออะไร? พร้อมอธิบายประเภทและหลักการทำของ LLM รวมไปถึงตัวอย่างการใช้งานของ LLM Model ในปัจจุบัน
LLM (Large Language Models) คือ โมเดลปัญญาประดิษฐ์ขนาดใหญ่ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อทำความเข้าใจและสร้างภาษามนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้หลักการ Machine Learning ในการเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมหาศาล จากทั้งบทความ เว็บไซต์ และเอกสารต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต โดย LLM จะเรียนรู้รูปแบบความสัมพันธ์ของคำ ไวยากรณ์ และบริบทของภาษาผ่านโครงสร้างโมเดลที่มีพารามิเตอร์นับพันล้านถึงล้านล้านตัว
ทำให้สามารถวิเคราะห์ความหมายและความเชื่อมโยงในระดับลึก ด้วยเทคนิค Machine Learning ที่ซับซ้อนเช่น การเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ทำให้ LLM มีความสามารถหลากหลาย ตั้งแต่การตอบคำถาม สรุปข้อมูล แต่งเนื้อหา แปลภาษา ไปจนถึงการเขียนโค้ดคอมพิวเตอร์
หลังจากที่ได้ทราบกันไปแล้วว่า LLM คืออะไร ถัดไปเราจะมาดูกันว่า LLM Model สามารถแบ่งประเภทออกได้เป็นกี่ชนิด ซึ่งเราสามารถแบ่งประเภทของ LLM ตามลักษณะการพัฒนาและการปรับแต่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
Base LLM คือโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ได้รับการฝึกฝนแบบพื้นฐานด้วยข้อมูลมหาศาล เพื่อทำนายคำหรือตัวอักษรถัดไปในประโยคอย่างมีบริบท โมเดล LLM ประเภทนี้จะเรียนรู้แพทเทิร์นและความสัมพันธ์ของภาษาจากข้อมูลที่ได้รับ แต่ยังไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งหรือตอบสนองความต้องการเฉพาะด้านของผู้ใช้งานได้
จุดเด่นของ Base LLM คือความสามารถในการสร้างเนื้อหาที่สอดคล้องกับบริบทที่ได้รับและสามารถต่อเนื้อหาออกไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม โมเดลประเภทนี้อาจสร้างเนื้อหาที่ไม่ตรงตามความต้องการหรือไม่เกี่ยวข้องกับคำถามของผู้ใช้งานในบางครั้ง เนื่องจากไม่ได้รับการฝึกฝนให้เข้าใจเจตนาหรือตอบสนองต่อคำสั่งโดยตรง
Base LLM Instruction Tuned LLM คือโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ได้รับการปรับแต่งเพิ่มเติมหลังจากการเทรนแบบพื้นฐาน (Base LLM) เพื่อให้เข้าใจและปฏิบัติตามคำสั่งหรือคำถามของมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยโมเดลประเภทนี้ได้รับการฝึกฝนด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบ Reinforcement Learning from Human Feedback (RLHF) ทำให้สามารถตอบสนองต่อคำสั่งได้ตรงตามวัตถุประสงค์มากขึ้น
จุดเด่นของ Instruction Tuned LLM คือสามารถเข้าใจบริบทของคำถาม ให้คำตอบที่เกี่ยวข้อง และมีความสามารถในการปฏิบัติตามคำสั่งที่ซับซ้อนได้ เนื่องจากโมเดลนี้ถูกออกแบบให้มีความปลอดภัยและมีประโยชน์มากขึ้น โดยลดการสร้างเนื้อหาที่เป็นอันตราย ไม่เหมาะสม หรือบิดเบือนความจริง ทำให้เหมาะกับการนำไปใช้งานจริง
LLM AI คือโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่ทำงานภายใต้หลักการการเรียนรู้รูปแบบและโครงสร้างของภาษาจากข้อมูลขนาดใหญ่ ทำให้การทำงานของ LLM จะเริ่มต้นจากการฝึกฝนด้วยข้อมูลมหาศาลที่ช่วยให้โมเดลเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างคำในบริบทต่าง ๆ ได้อย่างลึกซึ้ง ในขั้นตอนการฝึกฝนโมเดล LLM จะเรียนรู้การทำนายคำถัดไปในประโยคจากบริบทที่ได้รับ ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจเชิงความหมายและไวยากรณ์ของภาษา
เมื่อผู้ใช้งานป้อนข้อความเข้าไป LLM AI จะประมวลผลข้อมูลโดยแปลงข้อความเป็น TOKEN แล้วใช้กลไกที่ช่วยให้โมเดลสามารถให้น้ำหนักความสำคัญกับคำหรือวลีต่าง ๆ ในบริบทได้อย่างเหมาะสม โดยที่ LLM รุ่นใหม่ยังมีการปรับแต่งด้วยเทคนิค Reinforcement Learning from Human Feedback (RLHF) ที่ช่วยให้โมเดลเรียนรู้จากการประเมินและข้อเสนอแนะของมนุษย์ ทำให้การตอบสนองมีความสอดคล้องกับความต้องการของมนุษย์มากยิ่งขึ้น
ด้วยกระบวนการเหล่านี้ ทำให้ LLM Model สามารถสร้างเนื้อหาที่มีความสมเหตุสมผล ตอบคำถาม แปลภาษา และปฏิบัติตามคำสั่งต่าง ๆ ของผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทคโนโลยี LLM ได้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและได้กลายเป็นส่วนสำคัญในโลกดิจิทัลปัจจุบันไปแล้ว แล้วการประยุกต์ใช้ LLM ในปัจจุบันมีอะไรบ้าง? ลองมาดูตัวอย่างของ LLM (Large Language Model) ที่โดดเด่นและผู้คนนิยมใช้งานกัน
LLM คือส่วนสำคัญในการพัฒนา AI ให้ธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ในหลาย ๆ ด้าน ทั้งลดต้นทุนผ่านการทำ Automation ยกระดับการบริการลูกค้าด้วยแชทบอทที่สามารถให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง เร่งกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก สร้างเนื้อหาการตลาดที่มีคุณภาพสูงได้อย่างรวดเร็ว และช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ผ่านการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจในยุคดิจิทัล
หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจกันไปแล้วว่า LLM คือส่วนสำคัญในการพัฒนา AI ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ LLM ก็มีข้อจำกัดในการใช้งานที่ควรระวังเช่นกัน
LLM คือนวัตกรรมที่กำลังปฏิวัติวงการ AI ด้วยความสามารถในการเข้าใจและสร้างภาษามนุษย์ที่เป็นธรรมชาติ ทำให้เกิดการประยุกต์ใช้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่แชทบอท เครื่องมือช่วยเขียนคอนเทนต์ ไปจนถึงระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ถึงแม้จะมีข้อจำกัดในบางเรื่อง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ได้ว่า AI ในชีวิตประจําวัน กำลังกลายเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนยุคดิจิทัลในปัจจุบัน
Cube SoftTech บริษัท IT Outsource ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AI และ LLM พร้อมนำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจยุคใหม่ ในการปรับแต่ง LLM ให้เข้ากับความต้องการเฉพาะของแต่ละธุรกิจ ด้วยทีมงานมืออาชีพที่เข้าใจทั้งเทคโนโลยีและความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง