ถ้าคุณยังไม่รู้ว่า Deepfake คืออะไร บทความนี้คือสิ่งที่คุณ ต้องอ่าน ก่อนจะสายเกินไป ในยุคที่ภาพถ่ายและวิดีโอเคยเป็นหลักฐานที่เชื่อถือได้ที่สุด ตอนนี้ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและน่าตกใจ เพราะ Deepfake คือ เทคโนโลยีสุดล้ำที่สามารถปลอมแปลงใบหน้า เสียง หรือแม้แต่ทั้งตัวของบุคคลในวิดีโอได้อย่างแนบเนียน
แค่พริบตาเดียว คุณอาจกลายเป็นเหยื่อในคลิปที่ถูกสร้างขึ้นมาหรือเชื่อข่าวปลอมที่ถูกสร้างจากใบหน้า คนดังอย่างง่ายดาย แล้วแบบนี้การใช้ Deepfake เป็นสิ่งผิดกฎหมายไหม มีวิธีสังเกตอย่างไร บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักทุกแง่มุมของโลก Deepfake ที่ทั้งน่าทึ่งและอันตรายไปพร้อมกัน
Deepfake คือ เทคโนโลยีที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะเทคนิค Deep Learning คือ ระบบการเรียนรู้เชิงลึกที่เลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ เพื่อสร้างภาพ เสียง หรือวิดีโอที่เหมือนจริงมากจนแยกไม่ออกว่าเป็นของจริงหรือของปลอม เช่น การเปลี่ยนใบหน้าของคนหนึ่งให้กลายเป็นอีกคนในวิดีโอ
จุดเริ่มต้นของ Deepfake คือการพัฒนาโมเดล AI ที่เรียกว่า Generative AI ปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถ สร้างข้อมูลใหม่ขึ้นมา เช่น สร้างภาพใบหน้าใหม่ เพลงใหม่ หรือแม้แต่เนื้อหาวิดีโอ โดยไม่ต้องอิงข้อมูลเดิมทั้งหมด แต่ใช้หลักการเรียนรู้จากชุดข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งอธิบายได้ด้วยเทคโนโลยี Machine Learning คือ การฝึกให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้จากข้อมูล แล้วพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
Tips : อ่านข้อมูลเพิ่มเติม Generative AI คือ อะไร?
การทำงานของ Deepfake คือ การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะรูปแบบ AI Deep fake มาสร้างวิดีโอหรือเสียงปลอมให้เหมือนของจริงผ่านการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจและจดจำรูปแบบของข้อมูลภาพ เสียง หรือวิดีโอได้ด้วยตัวมันเอง
เบื้องหลังการสร้าง Deepfake ส่วนใหญ่อาศัยโมเดล Autoencoder หรือ GANs (Generative Adversarial Networks) ซึ่งเป็นแก่นของเทคโนโลยี AI ที่สร้างเนื้อหาใหม่ ไม่ใช่แค่จดจำเหมือน AI ทั่วไป
โดยหลักการทำงานของ Deepfake คือ
ในยุคที่ AI ในชีวิตประจําวัน เข้ามามีบทบาทอย่างมาก ทั้งเรื่องความสะดวกสบายและการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ AI ก็เปรียบเสมือนดาบสองคมเพราะเทคโนโลยี Deep fake AI เป็นอีกหนึ่งด้านมืดของความก้าวหน้าทางดิจิทัล โดยสร้างปัญหาร้ายแรงหลายด้านต่อสังคม ได้แก่
Deepfake คือ นวัตกรรมการใช้ AI ที่กำลังก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะเดียวกัน โปรแกรม Deepfake ฟรี ก็เริ่มแพร่หลาย ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานทางเทคนิคก็สามารถสร้างวิดีโอ Deepfake ได้ และด้วยความสามารถของ LLM คือ โมเดลภาษาใหญ่ เช่น ChatGPT 5 ที่ช่วยเขียนสคริปต์ได้อย่างแนบเนียน การใช้ Deepfake จึงกลายเป็นเรื่องน่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้ยังไม่มีข้อกฎหมายเฉพาะ แต่ในหลายประเทศเริ่มพิจารณาว่าการใช้ Deepfake ผิดกฎหมาย หากใช้ในทางที่ก่อให้เกิดความเสียหาย เช่น การหลอกลวงหรือทำลายชื่อเสียงผู้อื่น
โดย Deep Learning คือเทคโนโลยีที่พัฒนามาจาก Machine Learning ให้ระบบ AI สามารถประมวลผลและตัดสินใจได้ด้วยตนเองด้วยโครงสร้างทางคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า Neural Network ซึ่งเลียนแบบการทำงานของระบบประสาทมนุษย์ ทำให้ AI ต้องการข้อมูลจากมนุษย์น้อยลง และ AI จะให้ข้อมูลได้ละเอียดอ่อนมากขึ้น
จากการสนทนากับบอทที่ทำได้แค่รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์คาดการณ์จากฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์เท่านั้น สู่การพัฒนาให้ ChatGPT 5 สามารถจัดการข้อมูลและทำงานตามคำสั่งได้ ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อองค์กรในด้านการจัดการงานต่าง ๆ ได้อย่างลื่นไหลมากยิ่งขึ้น และยังช่วยประมวลผลข้อมูลที่ผู้ใช้ส่งเข้าระบบเพื่อลดระยะเวลาการทำงานได้
ทุกวันนี้การสร้างวิดีโอปลอมไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ด้วย AI Tools ที่เปิดให้สามารถสร้างคลิปจากข้อความสั้น ๆ ได้ โดยสิ่งนี้เรียกว่า Prompt คือคำสั่งที่ผู้ใช้ป้อนให้ AI สร้างภาพ เสียง หรือวิดีโอตามต้องการ จึงต้องรู้เท่าทันว่า Deep Fake ดูยังไง โดยวิธีมีดังนี้
Deepfake ai คือ ตัวอย่างชัดเจนของการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในทางที่มีความเสี่ยงอันตราย ด้วยความสามารถของ Deepfake คือการปลอมแปลงใบหน้า เสียง หรือข้อความให้เหมือนจริง ทำให้หลายองค์กรเริ่มตระหนักถึงภัยคุกคามทางดิจิทัลที่ยากจะตรวจจับ ดังนั้นจึงต้องเตรียมพร้อมทั้งด้านเทคโนโลยีและบุคลากร โดยเฉพาะทีมงานที่เข้าใจ AI และสามารถพัฒนาเครื่องมือตรวจจับและป้องกันภัยไซเบอร์ อย่างมีประสิทธิภาพ
ในจุดนี้เองที่ Cube SoftTech เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน IT Outsource และการส่งออกทีม IT Staff คุณภาพ พร้อมช่วยองค์กรของคุณทั้งด้าน การพัฒนาซอฟต์แวร์ ระบบ AI การวางโครงสร้างฮาร์ดแวร์ ไปจนถึงการสร้างระบบที่ปลอดภัยจากภัยเทคโนโลยี
เยี่ยมชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://www.cubesofttech.com/